About Me

My photo
I'm just an ordinary girl who want to meet all the extraordinary things!

Tuesday, November 13, 2012

การเดินทางสู่ดินแดนเดอะ ไวกิ้งหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "สวีเดน"

http://urbanpeek.com/2011/06/26/photo-peek-sweden/
หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย บัณฑิตหมาดๆหลายๆคนคงหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอทางแยกของชีวิต (บ้างคงจะเรียกได้ว่าทางตันหรือดีหน่อยก็ทางอ้อม) 

ฉันก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นที่ต้องเจอกับทางเลือก คือเลือกว่าจะเอาอย่างไรดีระหว่างทำงานหรือเรียนต่อปริญญาโท แต่แล้วโอกาสก็มาถึงให้ฉันได้ไขว่ขว้า โอกาสที่จะได้ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ได้ท่องเที่ยวยุโรป ได้พบเจอสิ่งแปลกใหม่ (ประเด็นหลักของการไปเรียนต่อก็คือสิ่งๆนี้นี่แหล่ะ แอบขำปนรู้สึกผิดกับพ่อแม่เล็กๆ) 

เพื่อนคนนึงของฉันได้เคยไปใช้ชีวิตสามเดือนของนางที่ประเทศๆนี้ นางว่าประเทศนี้ดีน่าอยู่ ไม่มีค่าเล่าเรียน (ปีที่ฉันไปเป็นปีสุดท้ายแล้ว) ด้วยความที่ฉันเป็นผู้ฝักใฝ่การใช้ชีวิตที่ต่างประเทศอยู่แล้ว (และของฟรีของถูกเป็นทุนเดิม) ก็เลยไม่รีรอที่จะทำการศึกษาหาข้อมูล ปรึกษาพ่อแม่โดยเร็วไว เมื่อได้รับการอนุมัติมติที่วางไว้เป็นที่เรียบร้อย ก็ตกลงปลงใจทำการสมัครสอบไอเอลส์/โทเฟลเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดของทางมหาวิทยาลัย (ด้วยความรวดเร็ว กลัวไม่ได้ไป) ไม่กี่อึดใจผลสอบก็ออกมาเป็นอันว่าผ่านข้อกำหนดเลยสมัครกับทางเว็บกลางของประเทศๆนี้(www.studera.nu) ...

พูดมาตั้งนานยังไม่เอ่ยชื่อประเทศเพื่อเป็นการให้เกียรติเลยซักนิด สวีเดนค่ะ ฉันไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศสวีเดน ประเทศที่หลายคนเอ่ยนามกันว่าเป็นประเทศเสรีเซ็กส์ (อันนี้ฉันก็ไม่สามารถทราบได้จริงๆว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ผู้อ่านคงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วแหล่ะค่ะ) กลับมาที่เรื่องสมัครเข้ามหาวิทยาลัยกันต่อ ทางสวีเดนจะทำการรับสมัครทางเว็บกลางโดยสามารถเลือกได้ทุกมหาวิทยาลัยที่มีในประเทศแค่ให้ผ่านข้อกำหนดของแต่ละคณะแต่ละมหาวิทยาลัย สามารถเลือกได้ 4 อันดับ เมื่อถึงเวลาประกาศผลชี้ชะตาก็สามารถดูในเวปได้เลย ฉันไม่ได้เปิดดูเองให้พ่อเปิดให้ ลุ้นมาก แต่ด้วยความที่ดวงสมพงษ์กับพ่อจึงคิดว่าน่าจะช่วยส่งเสริมความเป็นไปได้มากขึ้น (อันนี้แม่เป็นคนบอก) 

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉันติดอันดับที่สองที่ Malmo Hogskola (Malmo University) คณะ Sustainable Urban Management แปลเป็นไทยก็คงได้ความว่า "การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน" ที่เลือกคณะนี้คงเพราะตอนนั้นอาการรักประเทศกำเริบ "ฉันจะกลับมาพัฒนาประเทศชาติ" ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ความคิดเริ่มเปลี่ยนไปนิดหน่อย (หัวเราะเบาๆ) พอประกาศผลก็วางใจได้แล้วว่าได้ไปชัวร์ จัดการทุกอย่างระหว่างรอเวลาไปเรียนให้เรียบร้อย (ลืมบอกไปตอนนั้นฉันทำงานอยู่ ผ่านโปรพอดีก็ลาออก) ไม่ว่าจะเรื่องวีซ่า เงินๆทองๆ ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้าของกิน จัดกระเป๋าเรียบร้อย สำหรับผู้ที่ตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงก็คงต้องอยากศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ฉันแนะนำให้ค้นหาจากเพจในเฟซบุ๊คโดยจะมีเพจหลากหลายเพจที่เกี่ยวกับชีวิตนักศึกษาในสวีเดน ฉันก็ได้รับการแนะนำมาเช่นกันจึงได้ศึกษาข้อมูลเรื่องการใช้ชีวิตที่สวีเดนมาเป็นอย่างดี ในเพจเฟซบุ๊ค Thailund ฉันได้เจอพี่ผู้หญิงใจดีคนนึงอาศัยอยู่ที่เมืองนั้น พอดีพี่เขามีห้องว่างสองห้อง ฉันจึงขอเช่าห้องนึง (เธอแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นกับคนสวีเดน อยากจะบอกว่าทั้งคู่นิสัยดีมากๆ ดูแลฉันเป็นอย่างดี) แล้วห้องว่างอีกห้องนึงก็มีพี่ผู้หญิงคนไทยมาอยู่ (ทำอาหารอร่อยถูกปากลูกครึ่งภาคใต้อย่างฉันเป็นที่สุด) เรียกได้ว่าเป็นชุมชนสาวไทย(ใต้)ก็ว่าได้ เมื่อทุกอย่างเข้าที่ก็เป็นอันว่าพร้อมเดินทาง


การที่จะไปเหยียบเท้าสู่เมืองมัลเม่อได้นั้นสามารถทำได้สองวิธี หนึ่งคือนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินสต๊อกโฮล์ม ซึ่งห่างจากมัลเม่อถึง 8 ชั่วโมงด้วยรถไฟ วิธีที่สองคือนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก แล้วนั่งรถไฟมามัลเม่อเป็นเวลาแค่ 20 นาที คงไม่ต้องสงสัยว่าฉันเลือกวิธีไหน (วิธีที่สองแน่นอน) การเดินทางบนอากาศใช้เวลา 10 ชั่วโมงไม่ถ้วน นั่งกันจนหลับไปได้หลายตื่นทีเดียว โดยการไปเรียนต่อครั้งนี้ฉันเดินทางพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือนางคนนั้นที่แนะนำให้ฉันไปตั้งแต่แรก นางมีนามว่า "น้ำหวาน" นางเป็นเพื่อนสมัยมัธยมต้น เรารู้จักกันมาเป็นเวลานานกว่าสิบปี  เราเดินทางกันสองคนแต่คนไปส่งที่สนามบินมีมากเกือบสองโหล  ก่อนจะขึ้นเครื่องก็ได้ทำการร่ำลาครอบครัวเพื่อนฝูงเป็นพิธี (ฉันน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว น่าอายจริงๆ เขิน) แต่ไปเรียนปริญญาโทครั้งนี้ก็ใช้เวลาเสร็จสรรพแค่ 10 เดือนเท่านั้นจะว่าไปก็ไม่นานแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป พอมีเวลาให้ฉันได้ซึมซับอะไรกลับมาบ้าง ประสบการณ์การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่สวีเดนจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องมาเล่าต่อครั้งหน้า วันนี้คงพอแค่นี้ให้สมกับหัวเรื่อง แล้วพบกันใหม่ค่ะ สวัสดี

Popular Posts